C ในครอสโอเวอร์: คู่มือฉบับนิ่มเองค่ะ(เวอร์ชันไม่ใช่วิศวกร)

 

สวัสดีค่ะทุกคน นิ่มจากร้าน Siam Audiophile นะคะ ????
วันนี้อยากมาเล่าเรื่อง “คาปาซิเตอร์ในครอสโอเวอร์ลำโพง” แบบ ภาษามนุษย์ ไม่ใช่ภาษาวิศวกร
เพราะนิ่มเองก็ไม่ได้เป็นวิศวกรอะไรใหญ่โต แค่เป็นคนที่ “ออกแบบจริง ฟังจริง ใช้จริงกับงานลูกค้าทุกวัน”
“คาปาซิเตอร์มันทำหน้าที่อะไร แล้วควรเลือกแบบไหนดีคะ?”
โพสต์นี้นิ่มเลยขอเล่า แบบง่าย แต่ใช้ได้จริง จากประสบการณ์ลองคาปาซิเตอร์หลายยี่ห้อ หลายเนื้อวัสดุ ทั้งของที่ร้าน และจากงานลูกค้าจริง ๆ นะคะ
คาปาซิเตอร์ทำอะไรในครอสโอเวอร์?
โดยทั่วไป “C” ในเน็ตเวิร์ค จะอยู่ในจุดที่ช่วยกรองให้ ทวีตเตอร์ หรือ มิดเรนจ์ รับเฉพาะเสียงกลางไปสูง และกันเสียงต่ำไม่ให้หลุดเข้าไปจนลำโพงร้องเพี้ยน หรือเสียงบวมเละค่ะ
ถ้าเรา เลือกชนิดและเกรดดีหน่อย สิ่งที่มักได้ยินชัด ๆ คือ เสียง ใส โปร่งขึ้น รายละเอียดเสียงดีขึ้น ฟังแล้ว ไม่เครียด เท่าซีเกรดล่าง ๆ
ประเภทของคาปาซิเตอร์ และ “โทนเสียง” โดยประมาณ
ในวงการเครื่องเสียง จะใช้คาปาซิเตอร์หลัก ๆ อยู่ 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ค่ะ
1) คาปาซิเตอร์แบบฟิล์ม(Film) หรือแบบฟอยล์(Foil) คือ กลุ่มที่เน้น “คุณภาพเสียง”
กลุ่มนี้เป็นตัวหลักในงาน HiEnd และงานอัปเกรดเน็ตเวิร์คจริงจัง ฟิล์มมีหลายชนิด เช่น PP (โพลีโพรพิลีน), PET, PS, ฟอยล์ต่าง ๆ
โทนเสียงคร่าว ๆ ที่นิ่มเจอในงานจริง:
PET (MKT) → โทนออกอุ่น ๆ ฟังสบาย แต่รายละเอียดจะน้อยกว่า PP
PP (MKP) → เสียงใส โปร่ง เก็บรายละเอียดได้ดี เสียงชัดขึ้นแบบฟังออก
ฟิล์ม+ฟอยล์ Foil เกรดดีๆ → โทนมักจะเป็นธรรมชาติขึ้นอีกขั้น เนียน ละเอียด ลื่น ไม่กระด้าง กลุ่มนี้คือสิ่งที่คนเล่น ไฮไฟ / ไฮเอนด์ เลือกใช้กันเยอะ เพราะ “เสียงที่ออกมาได้จริงตามที่เราจ่ายไป”
2) คาปาซิเตอร์แบบอิเล็กโทรไลต์ (Electrolytic) – กลุ่ม “คุ้มค่า”
ข้อดี: ราคาประหยัดมาก ได้ค่าความจุสูงในตัวเดียว (เหมาะกับตำแหน่งที่ต้องใช้ค่าใหญ่ ๆ)
ข้อสังเกต:ความละเอียดเสียงน้อยกว่าฟิล์ม โทนมักจะออก “ทึม ๆ หน่อย / ไม่โปร่งนัก”
ใน ตำแหน่งที่ไม่ critical เช่น ฝั่งวูฟเฟอร์ หรือซีขนานบางจุด
นิ่มบอกตรง ๆ เลยว่า ใช้ได้ค่ะ แต่ถ้าเป็น ซีอนุกรมกับทวีตเตอร์ หรือ มิดเรนจ์ นิ่มไม่แนะนำให้ใช้อิเล็กโทรไลต์เลย
เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ ฟังออกทันที ว่า:เสียงไม่ลื่น ไม่ใส เสียงจะหยาบ
เลือก “ค่าความจุ (µF)” ยังไงให้เสียงไม่เพี้ยน? อันนี้ไม่ต้องจำสูตรอะไรให้ปวดหัวค่ะ เอาแบบเวอร์ชันภาษาคนเล่นลำโพง:
ค่ามากขึ้น → ทวีตเตอร์หรือมิดเรนจ์ จะรับเสียง “ต่ำลง” มากขึ้น (เสียงโดยรวมจะออกทุ้มขึ้น / หนาขึ้น)
ค่าน้อยลง → จะเน้นเสียงสูงมากขึ้น (เสียงจะสว่างขึ้น บางทีสว่างจนแหลมบาดได้)
ถ้าเลือกค่าผิดจากที่ออกแบบไว้มากๆ เสียงทั้งระบบจะเพี้ยน จุดตัดผิด เวทีเสียงรวนได้เลยค่ะ
เพราะฉะนั้น ข้อแรกสุดก่อนคิดเปลี่ยนของดีขึ้น คือ: ดูค่าเดิมให้ชัด (เช่น 3.3µF, 4.7µF ฯลฯ)
ถ้าจะขยับขึ้น–ลงเล็กน้อยเพื่อปรับโทน ควรอยู่ในกรอบที่ผู้ออกแบบ “รับได้” หรือปรึกษาคนที่ออกแบบเน็ตเวิร์ค หรือ ร้านที่เข้าใจเรื่องวงจรจริง ๆ
แรงดันไฟฟ้า (Voltage) เลือกยังไงให้ไม่พังกลางทาง?
เรื่องนี้ง่ายมากค่ะ ไม่ต้องคิดเยอะ: เลือกแรงดัน “มากกว่าหรือเท่าของเดิม” เสมอ
ถ้าใช้แอมป์ตัวแรง ๆ หรือเปิดดังบ่อย → เลือกตั้งแต่ 250V ขึ้นไป จะสบายใจที่สุด
แรงดันสูง ไม่ได้ทำให้เสียงดีขึ้นโดยตรง แต่ช่วยเรื่อง ความทน ทนร้อน ทนโหลดหนักๆ ไม่พังง่ายกลางเพลงค่ะ
***ภาพจากhttps://www.humblehomemadehifi.com/

สวัสดีค่ะทุกคน นิ่มจากร้าน Siam Audiophile นะคะ ????

วันนี้อยากมาเล่าเรื่อง “คาปาซิเตอร์ในครอสโอเวอร์ลำโพง” แบบ ภาษามนุษย์ ไม่ใช่ภาษาวิศวกร

เพราะนิ่มเองก็ไม่ได้เป็นวิศวกรอะไรใหญ่โต แค่เป็นคนที่ “ออกแบบจริง ฟังจริง ใช้จริงกับงานลูกค้าทุกวัน”

 

“คาปาซิเตอร์มันทำหน้าที่อะไร แล้วควรเลือกแบบไหนดีคะ?”

โพสต์นี้นิ่มเลยขอเล่า แบบง่าย แต่ใช้ได้จริง จากประสบการณ์ลองคาปาซิเตอร์หลายยี่ห้อ หลายเนื้อวัสดุ ทั้งของที่ร้าน และจากงานลูกค้าจริง ๆ นะคะ

 

คาปาซิเตอร์ทำอะไรในครอสโอเวอร์?

โดยทั่วไป “C” ในเน็ตเวิร์ค จะอยู่ในจุดที่ช่วยกรองให้ ทวีตเตอร์ หรือ มิดเรนจ์ รับเฉพาะเสียงกลางไปสูง และกันเสียงต่ำไม่ให้หลุดเข้าไปจนลำโพงร้องเพี้ยน หรือเสียงบวมเละค่ะ

ถ้าเรา เลือกชนิดและเกรดดีหน่อย สิ่งที่มักได้ยินชัด ๆ คือ เสียง ใส โปร่งขึ้น รายละเอียดเสียงดีขึ้น ฟังแล้ว ไม่เครียด เท่าซีเกรดล่าง ๆ

 

ประเภทของคาปาซิเตอร์ และ “โทนเสียง” โดยประมาณ

ในวงการเครื่องเสียง จะใช้คาปาซิเตอร์หลัก ๆ อยู่ 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ค่ะ

1) คาปาซิเตอร์แบบฟิล์ม(Film) หรือแบบฟอยล์(Foil) คือ กลุ่มที่เน้น “คุณภาพเสียง”

กลุ่มนี้เป็นตัวหลักในงาน HiEnd และงานอัปเกรดเน็ตเวิร์คจริงจัง ฟิล์มมีหลายชนิด เช่น PP (โพลีโพรพิลีน), PET, PS, ฟอยล์ต่าง ๆ

 

โทนเสียงคร่าว ๆ ที่นิ่มเจอในงานจริง:

PET (MKT) → โทนออกอุ่น ๆ ฟังสบาย แต่รายละเอียดจะน้อยกว่า PP

PP (MKP) → เสียงใส โปร่ง เก็บรายละเอียดได้ดี เสียงชัดขึ้นแบบฟังออก

ฟิล์ม+ฟอยล์ Foil เกรดดีๆ → โทนมักจะเป็นธรรมชาติขึ้นอีกขั้น เนียน ละเอียด ลื่น ไม่กระด้าง กลุ่มนี้คือสิ่งที่คนเล่น ไฮไฟ / ไฮเอนด์ เลือกใช้กันเยอะ เพราะ “เสียงที่ออกมาได้จริงตามที่เราจ่ายไป”

 

2) คาปาซิเตอร์แบบอิเล็กโทรไลต์ (Electrolytic) – กลุ่ม “คุ้มค่า”

ข้อดี: ราคาประหยัดมาก ได้ค่าความจุสูงในตัวเดียว (เหมาะกับตำแหน่งที่ต้องใช้ค่าใหญ่ ๆ)

ข้อสังเกต:ความละเอียดเสียงน้อยกว่าฟิล์ม โทนมักจะออก “ทึม ๆ หน่อย / ไม่โปร่งนัก”

ใน ตำแหน่งที่ไม่ critical เช่น ฝั่งวูฟเฟอร์ หรือซีขนานบางจุด

นิ่มบอกตรง ๆ เลยว่า ใช้ได้ค่ะ แต่ถ้าเป็น ซีอนุกรมกับทวีตเตอร์ หรือ มิดเรนจ์ นิ่มไม่แนะนำให้ใช้อิเล็กโทรไลต์เลย

เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ ฟังออกทันที ว่า:เสียงไม่ลื่น ไม่ใส เสียงจะหยาบ

 

เลือก “ค่าความจุ (µF)” ยังไงให้เสียงไม่เพี้ยน? อันนี้ไม่ต้องจำสูตรอะไรให้ปวดหัวค่ะ เอาแบบเวอร์ชันภาษาคนเล่นลำโพง:

ค่ามากขึ้น → ทวีตเตอร์หรือมิดเรนจ์ จะรับเสียง “ต่ำลง” มากขึ้น (เสียงโดยรวมจะออกทุ้มขึ้น / หนาขึ้น)

ค่าน้อยลง → จะเน้นเสียงสูงมากขึ้น (เสียงจะสว่างขึ้น บางทีสว่างจนแหลมบาดได้)

 

ถ้าเลือกค่าผิดจากที่ออกแบบไว้มากๆ เสียงทั้งระบบจะเพี้ยน จุดตัดผิด เวทีเสียงรวนได้เลยค่ะ

เพราะฉะนั้น ข้อแรกสุดก่อนคิดเปลี่ยนของดีขึ้น คือ: ดูค่าเดิมให้ชัด (เช่น 3.3µF, 4.7µF ฯลฯ)

ถ้าจะขยับขึ้น–ลงเล็กน้อยเพื่อปรับโทน ควรอยู่ในกรอบที่ผู้ออกแบบ “รับได้” หรือปรึกษาคนที่ออกแบบเน็ตเวิร์ค หรือ ร้านที่เข้าใจเรื่องวงจรจริง ๆ

 

แรงดันไฟฟ้า (Voltage) เลือกยังไงให้ไม่พังกลางทาง?

เรื่องนี้ง่ายมากค่ะ ไม่ต้องคิดเยอะ: เลือกแรงดัน “มากกว่าหรือเท่าของเดิม” เสมอ

ถ้าใช้แอมป์ตัวแรง ๆ หรือเปิดดังบ่อย → เลือกตั้งแต่ 250V ขึ้นไป จะสบายใจที่สุด

แรงดันสูง ไม่ได้ทำให้เสียงดีขึ้นโดยตรง แต่ช่วยเรื่อง ความทน ทนร้อน ทนโหลดหนักๆ ไม่พังง่ายกลางเพลงค่ะ

 

***ภาพจากhttps://www.humblehomemadehifi.com/

 

0 ฿

1 รายการในร้านค้า